ผ่าแนวคิด 'พิมพ์ภัทรา-เกรียงไกร' คู่ 'ปาท่องโก๋' ฟื้นชีพอุตสาหกรรมไทย

31 กรกฎาคม 2567

KEY POINTS

  • "พิมพ์ภัทรา" อยากเห็นกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมผู้ประกอบการ และนักลงทุนให้เกิดความคล่องตัว อะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย
  • ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งในกระบวนการออกใบอนุญาตที่เร็วขึ้น ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับการสนับสนุนส่งผลให้ธุรกิจแข็งแรงขึ้น
  • รมต.อุตสาหกรรม เน้นย้ำนโยบาย Green Productivity เพื่อตอบโจทย์กติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องจับมือกับ ส.อ.ท. เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน 
  • "เกรียงไกร เธียรนุกุล" ประธาน ส.อ.ท. หวังงบภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจและมีการหมุนเวียน รวมถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ตและภาคการท่องเที่ยวครึ่งปีหลังจะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น
  • รมต.พิมพ์ภัทรา ถือว่ามีทิศทางที่ดีตรงกันโดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีเป็นพิเศษ เมื่อได้หารือร่วมกันทำให้ทั้งเกิดความร่วมมือเป็น "ปาท่องโก๋" ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการณที่ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางเข้าหารือกับประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะร่วมหารือเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

โดยนางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายตั้งแต่วันแรกของการรับตำแหน่งว่า อยากเห็นกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมผู้ประกอบการ และนักลงทุนให้เกิดความคล่องตัว อะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง 

ทั้งในกระบวนการออกใบอนุญาตที่เร็วขึ้น ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 

ส่งผลให้ธุรกิจแข็งแรงขึ้น และสิ่งที่เน้นย้ำ คือ เรื่องของนโยบาย Green Productivity เพื่อตอบโจทย์กติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่กระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องจับมือกับ ส.อ.ท. เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง นโยบายบริหารงาน ส.อ.ท. ในช่วงปี 2567 – 2569  ว่า ต้องยอมรับว่า จากกติกาใหม่ของโลก ตลอดจนข้อตกลงทางการค้า FTA และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมดั้งเดิมมาสู่อุตสาหกรรมใหม่ของ 22 อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก 

นอกจากนี้ ยังรวมถึงอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหามาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหา โดยเบื้องต้นเราได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม โดยมี 4 คณะทำงาน ประกอบด้วย 

1. คณะทำงานยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต (S-Curve & Industry Transformation) เพื่อสร้างกลไกและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนพัฒนาเอสเอ็มอีให้เข้าถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เหมาะกับกิจการและประเภทอุตสาหกรรม 

2. คณะทำงานการพัฒนาอุตสาหกรรม (Circular Economy และ Climate Change) เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียว ร่วมขับเคลื่อนภารกิจ End of Waste พัฒนาระบบและกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม ผลักดันและขับเคลื่อน Circular Material Hub, Circular Economy Model Sandbox ส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่ Carbon Neutrality & Climate Change      

3. คณะทำงานอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการประกอบกิจการและมาตรฐานของภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการกำกับดูแลการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้กับภาคอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนปรับปรุงผังเมืองทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และ 

4. คณะทำงานพัฒนาอุตสาหกรรม SME เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ส.อ.ท.คาดหวังว่างบประมาณภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจและมีการหมุนเวียนของการใช้งบประมาณ ซึ่งจะอยู่ที่การจัดซื้อ การเบิกจ่ายที่ต้องรวดเร็ว รวมถึงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่จะเข้ามาช่วงปลายปีนี้ และหวังว่าภาคการท่องเที่ยวช่วงปลายปีที่เป็นช่วงไฮซี่ซั่นจะกลับมาจะช่วยให้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น

"ตอนนี้ส.อ.ท.อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อผู้รับผิชอบทั้ง 4 คณะให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยคาดว่าช่วงสัปดาห์หน้าจะเรียบร้อย การหารือครั้งนี้ ถือว่ามีทิศทางที่ดีตรงกันโดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีเป็นพิเศษ ท่านรมต.มีความตั้งใจและมีความชัดเจนมาก เมื่อได้หารือร่วมกันถือเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ทั้งรัฐและเอกชนได้ทำงานร่วมกัน และจะเป็นปาท่องโก๋ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตต่อไปในอนาคต" นายเกรียงไกร กล่าว

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1135330

Leave your comment
*
*