ประเทศไทยเคยถูกจัดอันดับเป็นอันดับที่ 6 ของโลกในด้านการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลในปี 2558 แต่ด้วยความพยายามและการริเริ่มต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะทะเล ประเทศไทยได้ปรับปรุงอันดับมาเป็นอันดับที่ 10 ในปี 2564 ประเทศได้ทำงานอย่างหนักในการลดขยะพลาสติกและส่งเสริมการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการตั้งนโยบายระดับชาติ การเข้าร่วมแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาค และการเพิ่มความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของการลดขยะพลาสติก
ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ยกระดับการจัดการขยะทะเล และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล มอบหมายกรมทะเลร่วมมือ SCGC บริหารจัดการปัญหาขยะทะเลด้วยนวัตกรรมใหม่ “ทุ่นดักขยะ SCGC - DMCR Litter Trap Gen 3”
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์ขยะทะเลว่า ปัจจุบันหน่วยงานหลายภาคส่วนได้ดำเนินงานแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตามแนว Roadmap การจัดการขยะพลาสติก (พ.ศ. 2561 – 2573) และแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) ซึ่งเป็นกรอบนโยบายการบริหารและกรอบทิศทางสำหรับขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและการจัดการขยะพลาสติกของประเทศร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องและยกระดับการจัดการให้สอดรับกับสภาพปัญหา
โดยในปี 2566 คาดว่ามีปริมาณขยะที่จัดการไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดขยะทะเลประมาณ 34,000 -51,000 ตัน ซึ่งเป็นขยะพลาสติกประมาณ 4,000-6,000 ตัน การแก้ไขปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นที่จะต้องลดปริมาณขยะจากต้นทาง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่การคัดแยก การทิ้ง การขนส่ง ไปจนถึงการกำจัด ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณขยะที่รั่วไหลลงสู่ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งลดลง เพราะแหล่งที่มาของขยะทะเลที่แท้จริงมาจากบนบกสูงถึงร้อยละ 80
ดร. เฉลิมชัย กล่าวต่ออีกว่า การขยายความรับผิดชอบไปยังผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) ซึ่งเป็นหลักการที่ขยายความรับผิดชอบไปยังช่วงต่างๆ ของวงจรชีวิตของบรรจุภัณฑ์ เป็นแนวทางให้ผู้ผลิตคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ กระจายสินค้า การรับคืน การเก็บรวบรวม การใช้ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่
จะช่วยให้ผู้ผลิตหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น และปรับการใช้วัสดุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำหลักการเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ซึ่งเป็นการนำขยะพลาสติกที่เก็บได้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล จะทำให้การแก้ไขปัญหาขยะทะเลเกิดความยั่งยืน
ด้าน ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ได้รับมอบทุ่นดักขยะลอยน้ำ รุ่นที่ 3 (SCGC-DMCR Litter Trap) จาก บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) ณ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 จำนวน 25 ชุด เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมเก็บขยะในแม่น้ำลำคลอง ภายใต้โครงการบริหารจัดการขยะทะเลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทั้งนี้ SCGC-DMCR Litter Trap เป็นนวัตกรรมทุ่นดักขยะลอยน้ำที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ SCGC พัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ดักขยะในแม่น้ำลำคลองก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล ซึ่งปัจจุบันเป็นทุ่นดักขยะลอยน้ำ รุ่นที่ 3 มีคุณสมบัติเป็นพลาสติก HDPE เกรดพิเศษที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดด และสามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ทุ่นรุ่นใหม่นี้มีน้ำหนักเบาลงกว่าร้อยละ 50 เพื่อการขนส่งและติดตั้งที่สะดวกรวดเร็วขึ้น รองรับน้ำหนักขยะได้มากถึง 700 กิโลกรัมต่อตัว
พร้อมอายุการใช้งานยาวนานกว่า 25 ปี จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งทุ่นดักขยะบริเวณปากแม่น้ำและลำคลองในพื้นที่ 17 จังหวัด สามารถลดปริมาณขยะที่ไหลลงทะเลได้กว่า 90 ตัน ตั้งแต่ปี 2563 อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและป้องกันมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล
อย่างไรก็ดี การพัฒนานวัตกรรมทุ่นดักขยะลอยน้ำระหว่างกรมฯ กับ SCGC เป็นไปตามหลักการของการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ คือเป็นภาครัฐที่เปิดกว้าง (Open Government) ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเห็นผลเป็นรูปธรรม รวมถึงยังช่วยสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของขยะ โดยเฉพาะขยะพลาสติกต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งให้กับประชาชนในพื้นที่ อันจะนำไปสู่การขยายเครือข่ายอนุรักษ์ที่มีความเข้มแข็ง และการบริหารจัดการขยะทะเลอย่างยั่งยืน